ไม้ที่ทำการปรับคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุดทั้งทางด้านความคงทน และ ความสวยงาม จนไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างไม้จริง (Solid Wood Flooring) กับไม้เอ็นจิเนียร์ เมื่อติดตั้งออกมา เนื่องจากผิวหน้าของไม้เอ็นจิเนียร์ก็คือไม้จริงนั่นเองพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หรือ Engineered Wood Flooring ประกอบไปด้วยส่วนประกอบสำคัญหลัก 3 ชั้นด้วยกัน ได้แก่
ชั้นผิว “พื้นไม้เอ็นจิเนียร์” ประกอบด้วย
1.ชั้นผิวหน้าไม้จริง ความหนา 3 มิลลิเมตร โดยทางโรงงานของดับเบิลฟลอร์ มีการนำเข้าชุงไม้หลากหลายชนิด
ตามแหล่งประเทศที่ปลูก เพื่อนำมาฝานเป็นผิวหน้าไม้ให้ลูกค้าเลือกสรรค์ ตัวอย่างเช่น ไม้โอ้ค ไม้แอช ไม้บีช ไม้
มะค่า ไม้สักแอฟริกา ไม้เมอเบาว์ ไม้เมเปิ้ล ไม้วอลนัท และ อื่นๆ อีกมากมาย
2.ใส้ไม้ชั้นกลาง วัสดุที่เรานำมาทำเป็นไส้ไม้ชั้นกลาง คือ ไม้จริง ประเภทไม้ยางพารา ที่เรานำมาฝานเป็นชิ้นเล็กๆ
และนำมาเรียงตัว 90 องศา กับผิวหน้าไม้จริง และเว้นช่องไฟเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับพื้นไม้ และ ให้มี
อากาศได้ถ่ายเท จึงทำให้พื้นไม้มีการยืดหดขยานตัวต่ำ เมื่อเทียบกับไส้ไม้อัดทั่วไปตามท้องตลาด
3.ผิวไม้ชั้นล่างสุด เป็นวัสดุไม้ยางพาราเต็มแผ่น นำมาประกบหลังพื้นไม้ เป็นชั้นล่างสุด เพื่อสร้างความสมดุล
และ เพิ่มความแข็งแรงให้กัยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
นอกจากนี้กรรมวิธีการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของเรา ยังประกอบไปด้วยกระบวนการต่างๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหน้าไม้ ตัวอย่างเช่นกระบวนการอบไม้ และพ่นกันปลวกและมอด กระบวนการเคลือบผิวหน้าด้วยยูวี จากโรงงาน หรือ กระบวนการ ย้อมสี ปัดเสี้ยนไม้ให้ได้ความสวยงาม เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าเป็นต้น
บริเวณที่เหมาะกับการติดตั้ง “พื้นไม้เอ็นจิเนียร์”
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Woof Flooring) ก็เหมือน พื้นไม้จริง (Solid Wood Flooring) กล่าวคือ เป็นวัสดุตกแต่งภายในบ้าน ไม่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งนอกบ้าน และ พื้นห้องที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ จึงควรเป็นห้องที่ไม่มีนำ้ และ ความชื้นเข้าถึงได้ ตัวอย่างห้องต่างๆที่นิยมติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องออกกำลังกาย เหมาะสมกับทั้งงานบ้าน โรงแรม และ คอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดที่ต้องการตกแต่งห้องให้สวยงาม น่าอยู่ และ มีกลิ่นอายของพื้นไม้จริง ที่มีลวดลายตามธรรมชาติ และ สีที่เข้มอ่อน ของไม้สลับกันไป อย่างน่าค้นหา จะเห็นได้ว่า ตามคอนโดส่วนใหญ่ มักเลือกใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ในห้องส่วนกลาง เช่น ห้องสมุด ห้องโถง ห้องกิจกรรม หรือ แม้กระทั่งห้อง ฟิตเนส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคอนโดมิเนียมระดับบน ยังเลือกใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เพื่อนำมาตกแต่งพื้นให้สวยงาม ดูดีมีราคา เหมาะกับคอนโดแบบลักชัวรี่ อีกด้วยครับ เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องที่ติดตั้งด้วยพื้นไม้จริง หรือ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างที่เด่นชัด ที่สามารถรับรู้ได้คือ กลิ่นของไม้ที่มีความหอมอันเป็นลักษณะเด่นของไม้ชนิดนั้นๆเป็นไปตามธรรมชาติ รวมถึง ลวดลาย และ สีของไม้ที่ ธรรมชาติให้มา แบบที่วัสดุสังเคราะห์อื่นๆต้องการลอกเลียนแบบ แต่ก็ไม่สามารถทำได้